เที่ยวทะเล กับสาวกแห่งชูชก

11 กุมภาพันธ์ 2002 00:29 น. บันทึก ,

ชาดกเรื่องสุดท้ายก่อนจะเกิดเรื่องราวของเจ้าชายสิทธัตถะนั้น แม้นักสิทธิมนุษยชนจะกังขาต่อแนวคิดการบริจาคลูกเมียของพระเวสสันดร แต่อย่างไร เรื่องราวของชูชก ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งบริโภคนิยม ก็เป็นที่สอนใจแก่ลูกหลานทุกสมัย

… แต่สำหรับ “แก๊งค์ลูกหมู” ที่ไปเที่ยวทะเลและกระทำชำเรากับซีฟูดปริมาณ 10 คนโอบคราวนี้ กลับคิดว่า ชูชกอันเป็นฮีโร่ของพวกเรา ไม่ควรโดนกล่าวหาเช่นนั้น .. สารัตถะแห่งชีวิต (หากไม่นับการเสียวตายแล้ว) ควรจะต้องเป็นการ อิ่มตาย ต่างหาก ที่น่าเคารพยกย่อง คำพูดยืนยันหนึงก็คือ เมื่ออาหารพร่องจากโต๊ะไป 10% เราก็ต่างเห็นตรงกันว่า ..

“ถ้ากินเพื่ออยู่ เท่านี้กูก็เรียกว่าอิ่มแล้วล่ะ..”

(ไอ้ตามบอกว่า กินอย่างนี้ ที่ทำงานกูเรียกว่า “กินอย่างกะถังขยะ”)

ทริปคราวนี้ มันเริ่มขึ้นประมาณวันพฤหัส เมื่อไอ้ป๊ะเห็นว่า อยากไปพักผ่อนที่ชายทะเลแถวชะอำ (ขอเน้นว่า พักผ่อน ไม่ใช่การเที่ยว เพราะการเที่ยวมันเหนื่อย..) และเห็นว่า ไอ้เม่นมันว่าง จึงชวนไป ว่าจะไปซัก 2-3 คน แต่ไปๆมาๆ ดูท่าพวกว่างงานจะมากกว่าที่คิด วันศุกร์เราเลยขับรถออกเดินทางไปกัน 5 คน และ วันเสาร์ ตามไปอีก 2 คน

และไปถึง ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก ก็มีแค่กิน กิน กิน กิน กับ นอนตากลมทะเล

จนทำให้กระผมนึกถึง Email ที่ส่งต่อๆกันมาว่า ถ้าวันหนึ่ง คุณสามารถไปที่ชายทะเล แล้ว ไม่ลงไปเล่นน้ำทะเลได้ แสดงว่า คุณแก่แล้ว

“ไอ้เหี้ย พวกเราไม่เล่นน้ำทะเลตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว นอกจากเมาแล้วลงไปอ้วก”
“ช่าย ช่าย อีเมวมันพูดมั่วซั่ว”
“งั้น มึงคิดว่า ควรจะแก้เป็นยังไงดีวะ ไอ้อินดิเคเตอร์ความแก่เนี่ย”

หลังจากเงียบกันไปพักใหญ่ (เพราะสมองยังไม่ชินกับการใช้ความคิด) ก็มีเพื่อน (ตะกละๆ) คนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้นมา

“มันต้องบอกว่า – ถ้าวันหนึ่ง คุณอยู่ในวงเหล้า แล้วสามารถมองดูกับแกล้มเต็มจาน โดยไม่รีบแย่งเพื่อนกินได้นั้น … แสดงว่า คุณแก่แล้ว – ต่างหากโว้ยยยย”

“อืม จริง จริง จริง” เพื่อนที่เหลือกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

ในตอนเย็นวันเสาร์ เมื่อไอ้ตั้ม(ภาคโลหะ หน้าง่วง) บอกว่า มันจะไปหาครอบครัวที่หัวหิน แล้วไอ้ป๊ะดันรู้ว่า ไอ้ตั้มมีบ้านพักติดทะเลที่เขาตะเกียบ (แถวหัวหิน) พวกเราจึงเห็นพ้องกัน ควรไปพัก(ฟรี) ที่บ้านมัน

เย็นนั้นจึงพบกับหาดขาวๆ กว้างๆ ไม่มีเก้าอี้และร่มกันแดดติดกันเป็นพรืดเหมือนชะอำ และนอกจากนั้น นาย ต. (คนไม่มีแฟน) ยังพบกับสาวสวยเสื้อเขียว ผู้มาเดินคนเดียวที่ชายหาด

สาวสวยเข้ามาทักไอ้ ต. “เอ่อ บ้านพักที่นี่เต็มหรือยังคะ”
นาย ต. ”…” เงียบไป 1 ชั่วโมง ด้วยความต๊กกะจาย ที่ชีวิตนี้มีผู้หญิงสวยมาพูดกับมันก่อน
สาวสวย … (เดินจากไป)

ต่อมาไม่นาน สาวสวยเดินคนเดียวริมหาด กำลังดูเปลือกหอย มีอยู่หนึ่งวินาที ที่เธออยู่ห่างจากไอ้ ต. เพียง 1 เซนติเมตร (ขอใช้มุขของพี่หว่องคาไวหน่อยเด้อ)

แต่แทนที่จะเดินเข้าไปหาสาวเจ้าเหมือนในหนัง แล้วกล่าวว่า “อีก 24 ชั่วโมงคุณจะตกหลุมรักผม” ไอ้ ต. กลับยืนนิ่ง และ ทำหน้าโรคจิตที่คิดว่าดูหล่อที่สุดในชีวิต

หลังจากนั้น

พระอาทิตย์ตกดิน เพื่อนๆของสาวเจ้ามาตามไปกินข้าว ไอ้ ต. ก็ถึงเวลาเริ่มเอ่ย

“โธ่ เธอไปซะแล้ว ไม่งั้นนะ กูเข้าไปถามเบอร์โทรแล้วเนี่ย…”

ไอ้ ตั้ม เห็น นาย ต.เพิ่งปล่อยหมาออกมาจากปาก ก็เกิดอาการหมั่นไส้ แต่ด้วยวิสัยทรรศของนักธุรกิจอย่างมัน จะด่าตรงๆก็คงกระไรอยู่

“ไอ้เหี้ย ต. …”
“มึงก็รู้ว่า …”
”..การลงทุนมีความเสี่ยง..”
“แต่เมื่อกี๊ ..”
”.. มึง เปลี่ยนโอกาสให้เป็นวิกฤติ ไปแล้วโว้ยยยย ..”

นินทากาเลเหมือนเทสุรา เป็นเรื่องธรรมดายิ่งกว่าหายใจ

หลังจากไอ้เหลา ได้เสนอทรรศนะเรื่องการ LayOff ว่า ควรหมายถึง การออฟไปนอน (เพราะ Lay แปลว่า นอน) เพื่อนหลายคนเริ่มคุยสรรเสริญถึงความอัจฉริยะของเหลา ที่ฉายแววออกมาตั้งแต่อายุยี่สิบกว่าขวบ และเห็นว่า ไอ้เม่นควรเอาเรื่องราวเหล่านี้มาเปิดเผยอีก

โปรดอ่าน …

ตอนนั้นมันเป็นช่วงเศรษฐกิจขาลง มีการเปิดท้ายขายของของคนเคยรวยทั่วประเทศ
ไอ้เหลาได้ยินแล้วก็ทำหน้าทำแม่งๆ สลดในความเป็นคนร่างเล็กของมัน

” ไอ้เหี้ย … เปิดท้ายขายของของคนเคยรวย … กูว่าเพื่อนเราไปได้ไม่เยอะว่ะ ..”
” … กูว่า คงมี นาย XXX นาย XXX นาย XXX (มันเอ่ยชื่อของคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ยาวกว่าชาวบ้านมา 2-3 คน) ที่จะไปได้”

“ทำไมวะเหลา … ” เพื่อนๆต่างถามด้วยความสงสัย

“ไอ้ห่า ก็พวกนั้นไม่เหมือนพวกมึงนี่หว่า…”

“เพราะมัน เคยลวย”

ความเห็น