มนต์รักทรานซิสเตอร์

10 มกราคม 2002 00:25 น. บันทึก ,

ขบแล้วขัน พลันโศก ..

คำโปรยในหน้าหนังสือ มนต์รัก ทรานซิสเตอร์ ฝีมือของนักเขียนชื่อดัง – “วัฒน์ วรรลยางกูร” เหมือนกับจะบอกแทนคำนำของวัฒน์ที่ว่า
”… แม้นิยายเรื่องนี้จะมิได้เบาสมอง แต่ก็มิได้หมายความว่า มันจะพลอยมิได้ตลกและมิได้สนุกไปด้วย หรือพูดกลับกัน คือการตลกและสนุก ไม่จำเป็นต้องมีเฉพาะในเรื่องเบาสมองเท่านั้น วรรณกรรมไทยและหนังไทยไม่ควรจำกัดตัวเองอยู่ในกรอบแคบๆกันน่าอึดอัด …”

และแม้ว่าผมจะได้ยินคำยกย่องของเรื่องนี้มาแสนนาน แต่เมื่อรู้ว่า เป็นเอก รัตนเรือง จะนำมาทำเป็นภาพยนต์ ผมก็เลยยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้ซักที
เพราะอยากดูหนังก่อน แล้วค่อยอ่าน

แล้ววันก่อน หลังจากได้ดูหนัง และ ได้อ่านหนังสือ ผมก็พบว่า แม่ง ดีมากๆทั้งคู่เลย (แม้ไอ้จ๋ง และนักเลงวรรณกรรมหลายท่าน จะบอกว่า ภาพยนต์เรื่องนี้มันเทียบชั้นไม่ได้กับวรรณกรรมอมตะของวัฒน์โว้ยย.. – ก็ตาม)

เป็นเอก เป็นผู้กำกับหนังไทยรุ่นหลังๆ ออกผลงานมา 3 เรื่อง “ฝัน บ้า คาราโอเกะ (2540)” , “เรื่องตลก 69 (2542)” จนมาถึง มนต์รักทรานซิสเตอร์นี้ ที่คิดว่าน่าจะดูง่ายที่สุด แต่ก็ยังมีชั้งเชิงเหมือนเคย

มนต์รักทรานซิสเตอร์เป็นเรื่องราวของหมู่บ้านชนบท ไม่มีความทันสมัยอะไรนัก แต่ก็อยู่อย่างผาสุก จนกระทั่งมีวิทยุทรานซิสเตอร์ “สื่อ” ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป รวมถึงทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเอง ก้าวไปหาความฝันที่อยากเป็นนักร้อง ทิ้งลูกเมียและความรับผิดชอบต่างๆ ผจญกับอุสรรคและความล้มเหลวนานา

จนในวันที่ไม่อาจกลับมาเป็นอย่างเดิมอีกแล้ว เขาจึงพบว่า ที่จริงนั้น ก่อนหน้านั้น “มึงมีความสุขดีอยู่แล้ว” (ขอยืมคาถาท่านเม่นมาประกอบหน่อยเถิด เพื่อความร่วมสมัย อิอิ)

เป็นเอก ถ่ายทอดเรื่องราวในชนบท และ เมือง เหมือนกับด้านที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ผ่านอารมณ์และรูปแบบต่างๆนาๆ ทั้งเบาสมอง จริงจัง เกินจริง เพ้อเจ้อ ฯลฯ บางครั้งนำลักษณะของละครเพลงมาใช้ ในรูปแบบที่ขำแสนขำ แต่อยู่บนเนื้อเรื่องที่แสนหดหู่ ก็เหมือนโดนหนังตบหน้าเข้าเต็มๆ
จนกระทั่งฉากจบ พระเอก และ นางเอก หลังจากผ่านชีวิตที่ดีและร้าย (และซวย) – ทังสองก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง เหมือนกับจะบอกว่า
.

“แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยร่องรอยที่ขาดวิ่น .. แต่ก็งดงาม”


http://www.monrak.com

= เพิ่มเติม โดย เป็นเอก =

เป็นเอกได้ให้สัมภาษณ์ในนิตสาร a day เล่มที่ 16 ว่า
“ผมอยากทำหนังให้จนถึงวันนึงถ้าฝรั่งอยากดูหนังผม แม่งต้องไปเรียนภาษาไทยมาดู หนังผมที่ผมเต็มใจใส่ภาษาอังกฤษมีอยู่ที่เดียว ถ้าไม่นับ Subtitle นะ คือ ตอนจบเรื่อง เครดิตสุดท้าย เขียนว่า Made in Thailand”

= เพิ่มเติม โดย ไอ้อัค =

ไอ้อัค ยังกรุณาให้คำนิยมแก่หนังเรื่องนี้เพิ่มเติมด้วยว่า
” …
ผู้หญิงสวย อาจจะพูดคำว่า เหี้ย ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ผู้หญิงน่ารัก ที่พูดคำว่า เหี้ย นี่สิ

แม่ง น่ารักชิบหายยยยย
…”

(มีฉากหนึ่งในเรื่องที่นางเอกพูดคำว่าเหี้ยน่ะครับ ไอ้อัคประทับใจมาก)

นินทากาเลเหมือนเทสุรา เป็นเรื่องธรรมดายิ่งกว่าหายใจ

ไอ้เหลา ผู้กำลังโด่งดังในหน้า guestbook ของเว็บไอ้เม่นด๊อทคอม หลังจากได้เริ่มอยากประกอบธุรกิจค้าเทียนเจลแล้ว มันก็เห็นควรว่า น่าจะมีการทดลองตลาด โดยเอาเพื่อนๆ เป็นแหล่งสร้าง Market share โดยเริ่มด้วยการ เอาเทียนไปจุดในการพบปะสังสรรค์ครั้งต่างๆ

เสร็จแล้ว มันก็ถามเพื่อนๆว่า “มึงจะสั่งกี่ชิ้น ว่ามาเลย กูขายราคาส่ง เอาไปแล้วโฆษณาต่อด้วยนะโว้ยยย”

แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องน่านินทาประการใด เพราะกระผมเห็นว่า เทียนของมันก็จุดแล้วสวย และ โรแมนติคจริงๆนะเออ (ขอแค่อย่านึกถึงหน้าไอ้เหลาเป็นพอ)

แต่ในความโรแมนติคนั้น ดูเหมือนไอ้ตั้ม (เครื่องกล) จะบาดใจมากกว่าเพื่อน
ไอ้เหลา “เป็นไง เทียนกูสวยมั้ยพวกมึง”
เพื่อนๆ “สวยยย โรแมนติคดี กูชอบ”
ไอ้ตั้ม “มันโรแมนติคก็จริงว่ะ แต่…” ว่าแล้วไอ้ตั้มก็ทำหน้าเศร้า ก่อนจะเอ่ยประโยคอันกินใจสมาชิกชมรมชายโสด

“แต่ทามม้ายยย ทู้กครั้งในชีวิตกู ที่ได้พบเรื่องโรแมนติค …
ทำไมกูต้องอยู่กับพวกมึงทุกทีเลยวะ มีแต่ตัวผู้ …โอย เศร้าาาาาา”

ความเห็น