เรื่องของปลาที่อยากบิน และนกที่อยากว่ายน้ำ

5 ธันวาคม 2001 23:37 น. บันทึก ,

“พี่เม่น ผมอ่านเว็บพี่แล้วอยากกินเหล้ามากเลยพี่ ช่วงนี้พี่ว่างไหมครับ”

น้องตี๋ รุ่น 80 (ว้ากเกอร์) กล่าวทักทายในวันที่กระผมอยากจะอู้งานเป็นที่สุด (คือที่สุดมันมีได้หลายวันน่ะนะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด)
ซึ่งทำให้ หลังจากนั้นเราก็เลยไปเจอกันร้านแห่งหนึ่งบริเวณจตุจักร

ทั้งๆที่ผมไม่ได้คิดอยากสนับสนุนการกินเหล้าให้ผู้อ่านเลย แม้แต่น้อย จริงๆนะ

หลังจากเล่าให้ฟังว่าชีวิตของกระผมเป็นไงมาไง ก็ถึงคราวน้องตี๋เล่าเรื่องของตัวเอง

“ชีวิตผมหรอพี่ มัน บัดซบ น่ะครับพี่”
“อ้ายห่า มึงเล่าแค่เนี้ย เล่ายาวๆหน่อยสิวะ เป็นไงมาไง”
“ยาวกว่านี้ก็ได้พี่ มัน บัดซบมาก พี่”

ไอ้ตี๋ หลังจากออกจากบริษัทแรก วิญญาณ Entrepreneur (แปลทำนองว่า อยากเป็นเจ้าของกิจการเอง) ก็เข้าสิง มันไปเช่าบูทในเดอะมอลล์รามฯราคา 500 ต่อเดือน (ผมฟังแล้วเบียร์แทบพุ่ง อะไรมันจะโปรโมชั่นถูกขนาดน้าน) แม้ว่าทำเลจะไม่ดีนัก แต่มันก็พยายามหาของมาขาย โดยเกี่ยวกับกีฬาที่มันชอบ
“ช่วงนั้นก็พออยู่ได้ มีกิน มีเที่ยว ไม่มีเก็บ แฟนผมเข้าใจ แต่ที่บ้านชักคิดว่า มันไปทำอะไรของมัน จบวิศวะจุฬา ไม่ไปเข้าบริษัทใหญ่ๆ”

แต่หลังจากนัน เมื่อต่อสัญญา ราคาก็จะขึ้นทุกครั้ง จนทำได้เกือบปี ขึ้นไปถึงประมาณเดือนละ 5,000 ได้มั้ง
ซึ่งเหตุการณ์หลังจากนี้ ไม่ขอเล่าดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะโดนกล่าวหาว่าเป็นสื่อผู้ทรงอิทธิพลเกินไป (เดี๋ยวนี้ไปกินเหล้ากับเพื่อน มันชักระแวงว่ากระผมจะเอาใครมาปู้ยี่ปู้ยำอีก) แต่สรุป ตอนนี้มันก็ต้องมาทำงานบริษัท เงินเดือนดี มั่นคง ที่บ้านพอใจ แต่มันบอกว่า ไม่มีความสุข แล้วมันก็เล่านิทานให้ฟังว่า

มีปลาตัวหนึ่ง อยู่ในสระที่กว้างใหญ่ อุดมสมบูรณ์ และมีสังคมของปลาอันซับซ้อน อะไรๆก็ดีทุกอย่าง แต่มันเสือกคิดว่า ตัวเองเป็นนก ที่ดันมาอยู่ในร่างปลา มันจะพยายามจะกระพือครีบ ฝึกฝนวันแล้ววันเล่า จนวันหนึ่ง มันก็บินไปบนฟ้า – และกลายเป็นนก

หลังจากได้บินไปในท้องฟ้า ไกลแสนไกล มันก็ไปเจอนกเฒ่าตัวหนึ่ง คุยกันจึงรู้ว่า นกตัวนั้นก็เคยเป็นปลามาก่อน
มันดีใจที่รู้ว่า – ไม่ใช่มันตัวเดียว ที่คิดเช่นนั้น เพราะเห็นแล้วว่า มีปลาจำนวนไม่น้อย ได้เคยเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองมาก่อน –
ความจริงไอ้ตี๋มันเล่าไอ้อย่างเข้าถึง และ สำบัดสำนวนกว่านี้หลายเท่านัก แต่กระผมเห็นว่า นั่นทำให้เปลืองเบียร์และกับแกล้มเกินไป ขอไปตอนจบเลยดีกว่า ที่ว่า

วันนึง หลังจากสมหวังในความฝัน และพบกับเพื่อนพ้องแล้ว มันก็ได้พบกับนกตัวหนึ่งที่อยุ่ในกรง นกที่เชื่อว่าตัวเองเป็นปลา
มันจึงก็พยายามพานกตัวนั้นมาส่งที่สระที่มันเคยอยู่ นกตัวนั้นได้เปลี่ยนปีกของมัน กลายเป็นครีบ เริ่มออกว่ายน้ำ และในที่สุดก็กลายเป็นปลาไปจริงๆ

ด้วยความคับข้องใจ และชักอืดเบียร์ที่พร่องไปหลายเหยือก ไอ้เม่นกล่าวตัดรำคาญว่า
“แล้วไงวะ มึงเป็นปลา ที่ได้ออกบิน แล้วเสือกต้องกลับมาว่ายน้ำใหม่รึไง”
“ไม่ใช่หรอกพี่ ผมไม่ได้เป็นตัวละครอะไรในนั้น ผมเป็นแค่ลูกปลาตัวหนึ่ง ที่บังเอิญไปเห็นว่า มันมีปลาที่บินได้ และก็มีนกที่อยากว่ายน้ำ”
“แล้วชีวิตมันจะบัดซบตรงไหนวะ มึงอยากบิน มึงก็บินซี่ ไม่แน่ว่าใต้สระ อาจมีโพรงให้มึงฝึกบินก่อนก็ได้”
“ถ้ามันชัดเจนอย่างงั้นก็ดีสิพี่ ..”
“ถ้าผมรู้ว่าผมเป็นนก ผมก็จะบิน ถ้ารู้ว่าเป็นปลา ผมก็จะว่าย แต่นี่..”

“มันบัดซบกว่านั้น เพราะผมยังไม่รู้เลย ว่าผมเป็นนก เป็นปลา หรือว่าเป็นคน”

นินทากาเลเหมือนเทสุรา เป็นเรื่องธรรมดายิ่งกว่าหายใจ

ก่อนที่จะกล่าวถึงแฮรี่ พ็อทเท่อร์ ที่กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้ คงต้องขอนินทาไอ้กอล์ฟ (ไม่ใช่ท่านหญิงกอล์ฟนะขอรับ – คนอาไร้ ชื่อยังกะผู้ชายชื่อโหลๆ) เกี่ยวกับเรื่อง อิล มาเร่ ย้อนหลังซักเล็กน้อย โทษฐานที่มันมาทำ Guestbook ของกระผมเปรอะไปหมด

ไอ้กอล์ฟ “ไอ้เม่น พอกูอ่านข้อความในเว็บมึง ตอนที่มึงพูดถึงหนังอิล มาเร่ กูถึงกับออกจากบ้านไปหาหนังเรื่องนี้ดูเลยนะโว้ย กูอยากรู้ว่า ไอ้เหงาจับหัวใจของมึงมันเป็นไง”

ไอ้เม่น “แล้วเป็นไงมั่ง ดีมะ”

ไอ้กอล์ฟ “ไอ้เหี้ย กูเข้าใจมึงเลยว่ะ ว่าความรู้สึกตอนเพลง We must say goodbye ขึ้น สำหรับคนไม่มีแฟน – มันทรมานขนาดไหน”

ไอ้เม่น “ไอ้ห่า เวอร์ไปมึง แต่กูก็..นะ โดยเฉพาะตอนขาออกจากโรงหนัง ไอ้เหี้ย เห็นคนเดินจูงมือเป็นคู่ๆ ….”

ไอ้กอล์ฟ “อ้าวหรอ ไอ้ห่า ตอนออก กูไม่เห็นเป็นงั้นเลย”

ไอ้เม่น “เฮ้ย จริงดิ มึงใจแข็งขนาดนั้น”

ไอ้กอล์ฟ “เปล่าโว้ย กูวิ่งออกมาเลยว่ะ นำหน้าคนทั้งโรงหนัง ขืนเดินช้าเดี๋ยวเผลอฆ่าตัวตาย”

ความเห็น